พฤศจิกายน 2022
ฟ้ามืดสนิทเมื่อฉันกับอเล็กซ์ไปถึง แม้ว่าเป็นเวลาห้าโมงเย็นเท่านั้น แต่ท้องฟ้าที่ฝั่งเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก (Prague, Czech Republic) ก็เป็นสีดำทึบ ไม่มีแม้กระทั่งผลึกเม็ดสีน้ำเงินเจือปนที่ปลายขอบของท้องฟ้าแม้แต่น้อย
ทางแยกในฤดูร้อน
ฉันเคยมาที่นี่เมื่อสิบปีก่อน ตอนสองสัปดาห์หลังพิธีจบการศึกษา เมื่อครั้งที่วีซ่า สถานะพักอาศัยระบุไว้ว่า “เป็นนักเรียน” จวนเจียนจะจบสิ้น ก่อนหมดเดือนกรกฎาคม เดือนร้อนๆ ที่ไม่มีฝนในปี 2012 จึงเป็นช่วงแรกของทางแยกว่า เมื่อเรียนจบ ครบสำเร็จตามความตั้งใจในการมาที่เยอรมนีแล้วนั้น จะทำอะไรต่อไป?
ดังนั้น การตอบตกลงจึงเกิดขึ้นอย่างง่ายดายเมื่อ “ฮุ่ย” นักเรียนชาวจีนร่วมชั้นที่เอ่ยปากชวนกันนั่งรถไฟไป “ปราก” เมืองหลวงของอดีตอาณาจักรโบฮีเมียน ซึ่งนอกจากเป็นการเดินทางที่ใช้เงินไม่มากมายแล้ว มันก็ย่อมดีกว่าการนั่งมองฟ้า มองพระอาทิตย์ตกตามลำพังในฤดูร้อน
ฉันให้เพื่อนร่วมทริปวางแผนทั้งหมด จะไปเวลาใด กินอะไร พักที่ไหน ปล่อยให้เป็นเรื่องของนางสาวฮุ่ย ตัวเองก็แค่จ่ายเงิน เก็บเสื้อผ้า ว่าง่ายๆ เดินตามคนอื่นไป และถ่ายรูปเล่นเพียงเท่านั้นพวกเรา ชาวคณะจากเอเชียไปเที่ยวตามสถานที่ที่มีชื่อเสียงของเมือง
- ย่านเมืองเก่า (𝐎𝐥𝐝 𝐓𝐨𝐰𝐧)
- หอนาฬิกาเต้นรำ (𝐏𝐫𝐚𝐠𝐮𝐞 𝐀𝐬𝐭𝐫𝐨𝐧𝐨𝐦𝐢𝐜𝐚𝐥 𝐂𝐥𝐨𝐜𝐤)
- ปราสาทและมหาวิหาร (𝐏𝐫𝐚𝐠𝐮𝐞 𝐂𝐚𝐬𝐭𝐥𝐞, 𝐒𝐭. 𝐕𝐢𝐭𝐮𝐬’𝐬 𝐂𝐚𝐭𝐡𝐞𝐝𝐫𝐚𝐥)
- สะพานเก่าแก่จากศตวรรษที่ 14 (𝐂𝐡𝐚𝐫𝐥𝐞𝐬 𝐁𝐫𝐢𝐝𝐠𝐞)
- อาคารสมัยใหม่รูปทรงแปลกตา (𝐃𝐚𝐧𝐜𝐢𝐧𝐠 𝐇𝐨𝐮𝐬𝐞)
“ปราก” ในคราวนั้นเป็นสีส้ม สีมัสตาร์ด เหลืองซีด และฟ้าอ่อน หรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เหลือในความทรงจำจนถึงวันนี้ ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า คนในกลุ่มที่ไปด้วยกันอีกคน (หรือสอง) คือใคร ที่พักหน้าตาเป็นแบบไหน พวกเรากินอะไรกันบ้าง
แต่อย่างนั้นแล้ว ภูมิทัศน์ของปราก เป็นภาพในอดีตที่ช่วยให้ใจบางๆ ลืมความว้าวุ่น หลงทางของตอนนั้น แม้แค่เพียงช่วงสั้นๆ ก็ตามที
ฉันน่าจะอยู่ที่นั่นแค่สองคืน ก่อนแยกตัวขึ้นรถไฟกลับเข้าเยอรมนีตามลำพัง โดยฝั่งเพื่อนชาวจีนนั้น เดินทางต่อไปยังเมืองมรดกโลก เชสกี้ คลุมลอฟ (Cesky Krumlov)
ปราก
เมื่อได้กลับไปที่นั่นเป็นครั้งที่สองผู้ร่วมทาง คนข้างๆ คือคนรัก เป็นคู่ครอง และ “ฉัน” คือคนที่วางแผนเองทั้งหมด จะไปเวลาไหน พักที่ใด อยากทำอะไร หาใช่การเก็บกระเป๋า เดินเป็นเงาตามหลังคนอื่น หรือหยิบกล้องถ่ายภาพเรื่อยเปื่อยเลื่อนลอยเช่นเมื่อสิบปีที่แล้ว ครั้งนี้ ฉันไปด้วยหัวใจที่มั่นคง ไม่กังวลต่อสิ่งใด การไปธุระกึ่งการพักผ่อนของสามี -คนรู้ใจ จึงเป็นความสโลว์ไลฟ์คั่นเวลาในสิ้นสัปดาห์ของเดือนพฤศจิกายน ปี 2022
รถไฟระหว่างเมือง (EC หรือ Eurocity) ใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมงจากเบอร์ลินไปถึงเมืองปราก สาธารณะเชกตอนห้าโมงเย็นนิดๆ ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิทไร้ซึ่งสีน้ำเงินเข้มที่ปลายขอบของอากาศ ต้นฤดูหนาวที่นั่น เยือกเย็น ยืดยาด เชื่องช้ากว่าเบอร์ลินมากนัก อุณหภูมิห้า-หก-เจ็ดองศาพร้อมหมอกหนาเคลือบท้องฟ้าตอนเช้าแต่หัวค่ำ ทุกอย่างเหมือนถูกย้อมด้วยสีเทา เมืองร้อยยอดที่ถูกขนาบข้างด้วยภูเขาช่างเลือนลางจนแทบไม่เห็นการเคลื่อนไหว อย่างนั้นแล้ว “ปราก” ก็ยังสวยและงดงามเช่นเดิม เมื่อมองเมืองยังเห็นเป็นสีส้ม สีมัสตาร์ด เหลืองซีด เช่นเดียวกับฟ้าอ่อนในยามกลางวันที่ยังแดดส่องอย่างอ้อยอิ่ง
พวกเราไม่ได้ไปเยือนย่านเมืองเก่า หอนาฬิกา ปราสาท สะพาน หรือสถานที่มีชื่อเสียงของอดีตดินแดนโบฮีเมียน มีเพียงแค่ 𝐃𝐚𝐧𝐜𝐢𝐧𝐠 𝐇𝐨𝐮𝐬𝐞 ตึกทรงลู่ลมคล้ายคนสองคนจับมือเต้นรำกันที่ฉันขอแวะเวียนไปดูอีกที พ่วงท้ายด้วย 𝐕𝐢𝐥𝐥𝐚 𝐌𝐮̈𝐥𝐥𝐞𝐫 บ้านทรงกล่องสี่เหลี่ยม หนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมโมเดิร์นของปี 1930 โดย 𝑨𝒅𝒐𝒍𝒇 𝑳𝒐𝒐𝒔 ที่มีอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ของนักเรียนออกแบบสิ่งก่อสร้าง
รถอูเบอร์พาฉันกับอเล็กซ์วิ่งเลียบแม่น้ำ 𝐕𝐥𝐭𝐚𝐯𝐚 ปลายตึกยุคโบราณสีพาสเทลอ่อนเรียงหน้ากระดานเท่าๆ กัน นักท่องเที่ยวเดินจับมือ เดินเป็นคู่ และกลุ่มใหญ่ตลอดฝั่ง ฟ้าก่อนเที่ยงที่เมืองปราก สาธารณรัฐเช็กเป็นสีเทาอ่อนตอนที่พวกเราไปถึงสถานีรถไฟกลาง Praha hl.n. อากาศหนาวเย็นอย่างที่สุด พวกเราขึ้นรถไฟกลับเบอร์ลินในเที่ยงวันอาทิตย์ ฉันมองอาคารเก่า บ้านร้าง ต้นไม้แห้งสูง ใบไม้สามสีจนเข้าพื้นที่ประเทศเยอรมนี
สองฝั่ง
มันไม่ใช่แค่การข้ามเขตของสองฝั่งในตอนนั้น แต่เป็นความรู้สึกที่บอกกับตัวเองว่าเราได้ผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน ฤดูร้อนที่แยกจาก “ฮุ่ย” ครั้งนั้น ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาที่นี่ในสิบปีให้หลัง เป็นการ “กลับมา” ด้วยความคิด ทัศนคติ ความพร้อมของจิตใจและร่างกายที่สมดุลย์กว่าเดิมมากนัก
ณ ขณะที่รถไฟข้ามผ่านดินระหว่างสองแดนประเทศนั้น คือข้อความยืนยันที่บอกว่าแม้การเติบโต การเริ่มขีวิตใหม่ในเยอรมนีนั้นต้องเจอกับความเจ็บปวดสักเพียง แต่ฉันก็ก้าว-ผ่านมันมาได้อย่างปลอดภัย จนถึงทุกวันนี้
มีเพียงการเปลี่ยงแปลงของฤดูกาลที่เป็นนิรันดร์ เราไม่อาจล่วงรู้อนาคต จงปลดตัวเองจากความสิ้นหวังของวันเก่า หรือไว้แค่ความหมาย ความตั้งใจที่มุ่งมั่นในวันนี้ ขอบคุณอย่างยิ่งที่ได้กลับมาที่นี่ ที่ “เรา” – ทางแยกบนความไม่รู้ และ ความมั่นคง ความเติบโตได้ทำความรู้จักกัน ขอบคุณ “ฉัน” ที่ได้ซ่อมแซม ปรับแต่งความเว้าแหว่งแห่งชีวิตได้อย่างสวยงาม.