“ปารีส” เป็นสถานที่ยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยว ผู้คนจำนวนมากอยากสัมผัสโอกาสที่จะมาเยี่ยมเยือนมหานครแห่งความรัก ความโรแมนติก … อย่างน้อยสักครั้ง
ว่าแต่ แล้วจะมีสักกี่ครั้งกันล่ะ ที่เราจะตกหลุมรักปารีส?
ปารีสน่าเบื่อ
“ปารีสน่าเบื่อจะตาย”
ฉันหัวเราะเสียงดังลั่น ได้แต่เอียงคอและอมยิ้ม กับสิ่งที่ “เอเดรียน” เพื่อนสนิทคนใหม่ให้ฟังอย่างออกอรรถรส
วิวทิวทัศน์ อาหาร ตึกรามบ้านช่อง มันยากที่จะปฏิเสธความสวยงามของที่นั่น การไปเยือนปารีสครั้งแรกจึงเป็นความทรงจำในในยุโรปที่แสนประทับใจ แม้การกลับไปครั้งที่สองนั้นต่างไปสักหน่อย แต่ฉันว่าเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสนั้นก็ยังนับว่ามีเสน่ห์ชวนให้หลงรัก อดีตปารีเซียงตกอกตกใจว่าฉันมีจุดประสงค์อะไรถึงต้องไปที่นั่นถึงสองครั้ง
ปารีส ใครๆ ก็รักปารีส
“ใครๆ ก็รักปารีส” ฉันอธิบาย
“คนที่นั่นแสนจะเย่อหยิ่ง” เขาเถียงอย่างไม่ลดละพลางบอกให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นดีกว่า ฉันปล่อยให้เอเดรียนเล่าเรื่องความโกลาหลของปารีสไป ฟังแล้วก็ตลกในความเอาจริงเอาจังที่จะโน้มน้าวว่า “ปารีสมันก็งั้นๆ แหละ”
ในชีวิตหนึ่งเราจะตกหลุมรักกันได้กี่ครั้ง? หลังจากบทสนทนากับหนุ่มฝรั่งเศสในวันนั้นทำให้ฉันคิดถึงหลายอย่างในปารีส กลิ่นแดด ไอของอากาศ แสงและเงาที่ทอดตัวจากอาคาร Art Nouveau
ความรักอยู่ในอากาศ
เดือนพฤษภาคม ปี 2005 คือการไปฝรั่งเศสครั้งแรกของฉัน
7 วันในปารีส พวกเราไปเยี่ยมสถานที่ได้รับความนิยมต่างๆ อย่างเช่น
- หอไอเฟล (Eiffel Tower)
- พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (the Grand Louvre)
- พระราชวังแวร์ซาย (Palace of Versailles)
- ฯลฯ
ซึ่งในทั้งหมดนี้ ฉันรักพิพิธภัณธ์ดอร์เซย์ที่สุด (Museé d’Orsay) ที่สุด ที่นั่น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพ The Starry Night ของ Vincent Van Gogh ของจริงด้วยสายตาตัวเองในระยะหนึ่งช่วงแขน รวมทั้งภาพอื่นๆของ Claude Monet ที่นั่น เป็นทำฉันได้เข้าใจว่า การอิ่มเอมใจ มันเป็นอย่างไร คือประสบการณ์ที่สอนให้รู้จักความรักในสิ่งของ หาใช่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น
ฉันเดินลัดเลาะตามถนนเล็กๆเพื่อจะข้ามแม่น้ำแซน (le seine) เคล้าเสียงคนเล่นดนตรีลอยมาตามลมพร้อมแสงแดดอุ่นๆกลางฤดูใบผลิ ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมที่นี่จึงเป็นที่กำเนิดของ Art Impressionism “รักอยู่ในอากาศ” นั่นคือความรู้สึกในตอนนั้น
ปารีส อีกสักที
ยังเหมือนเดิม?
เดือนธันวาคม อีกเจ็ดปีต่อมา ฉันกับเพื่อนชาวไทยอีกคนเพื่อวางแผนไปเที่ยวช่วงปิดเทอม ในฐานะที่เป็นนักเรียนออกแบบทั้งคู่ ปารีสจึงเป็นอีกเป้าหมายสำคัญที่พวกเราตั้งใจจะไปดูสถาปัตยกรรมทั้งแบบเก่าและสร้างใหม่ที่นั่น ซึ่งเปรียบเหมือนบุฟเฟ่ต์ชั้นดีที่ป้อนความหลากหลาย และความงามของอาคารได้อย่างน่าอัศจรรย์
- Parc de la Villette คือกลุ่มอาคารและสวนขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของปารีส
- La Grande Arche de la Défense (The Great Arch of the Defense) คืออนุสาวรีย์ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีจุดชมวิวที่เห็นปารีสสุดลูกหูลูกตา ถูกสร้างในแนวแกนเดียวกับ ประตูชัย หรือ Arc de Triomphe
- The Centre Pompidou คือห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ นี่เป็นอาคารที่สร้างเมื่อ 50 ปีที่แล้ว จากรูปลักษณ์ภายนอก ก็ถือว่าแหวกแนวมากในสมัยนั้น ด้วยการนำระบบอาคาร ระบบวิศวกรรม เช่นท่อระบายอากาศ และบันไดเลื่อน ออกมาโชว์ภายนอกอาคาร มันคงเหมือนคน ที่มีตับ ไต หัวใจ ห้อยอยู่ภายนอกร่างกาย
รักถอยหลัง
ทว่า ทริปนี้ไม่สะดวกสบายเหมือนในครั้งแรก ฉันได้เจอเรื่องหวาดเสียวและด้านที่ไม่งดงามเท่าไหร่ในปารีส ทั้งในที่พัก รถไฟใต้ดิน และเหล่ามิชฉาชีพในรูปแบบต่างๆ แม้จะไม่มีความเสียหายแต่ขวัญและกำลังใจนั้นสั่นสะเทือนมากจนฉันคิดว่า คงพอเท่านี้กับเมืองที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในโลก
คงเหมือนกับช่วงแรกเริ่มที่เรารักใครสักคน ทุกอย่างดี ราบรื่นและสวยงาม ฉันรักทุกอย่างที่พบเจอเมื่อคราวไปเยือนปารีสครั้งแรก แต่มันแปลกที่ว่า ฉันรักที่นั่นน้อยลงในการมาครั้งที่สอง ปารีสสวยเสมอ แต่ไม่น่ามองและไร้ความอิ่มเอมใจเหมือนครั้งแรก
ไหนใครกันนะที่บอกว่า รักของผู้หญิงนั้นเริ่มจากศูนย์ไปร้อย ?
รักเก่าๆ
ความรักในปารีสเป็นเพียงอดีตที่ฉันทิ้งไว้เบื้องหลัง
จนกระทั่งเห็นปกหนังสือเล่มหนึ่งเขียนตัวโตว่า “ทำไมใครๆ รักฝรั่งเศสและเกลียดคนชาตินี้กันนะ?” (Why we love France but not the French) ฉันยิ้มและซื้อหนังสือภาษาอังกฤษ Sixty million Frenchmen can’t be wrong (หรือ ฝรั่งเศส ฝรั่งแสบ โดย ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์ ในฉบับแปลภาษาไทย) โดยทันที
ถึงแม้ว่าหนังสือไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับปารีสโดยตรง หากแต่แต่ในแง่ประวัติศาสตร์ การเมือง และความเป็นมา โดยเฉพาะความมีพิธีรีตรองของ ชาวฝรั่งเศสที่ผู้เขียน Julie Barlow และ Jean-Benoît Nadeau ได้ถ่ายทอดออกมา ทำให้ฉันคิดถึงรักครั้งเก่าที่ทิ้งไว้ที่ปารีส
น่าเสียดายว่าตอนนั้นฉันมีรูปถ่ายไม่เยอะ บางส่วนก็หายไปพร้อมกับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า ฉันตามหารูปจากเพื่อนคนอื่นว่าพอมีภาพตอนเราไปปารีสกันบ้างไหม สมัยนั้นทุกคนใช้กล้องดิจิตอลกันหมด แม้คุณภาพไฟล์นั้นไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันยังจำความประทับใจผ่านรูปภาพเก่านี้ได้เป็นอย่างดี
ปารีสเปลี่ยนไป หรือใคร – ที่เปลี่ยนแปลง?
ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เคยเจอจนอกหักอย่างแรงจากปารีสนั้นมีอยู่ทุกที่ ทั้งเวียนนา กรุงสต๊อกโฮล์ม มิวนิก อัมสเตอร์ดัม ลอนดอน ฯลฯ ทุกที่นั้นมีความไม่สะดวกสบาย ไม่ปลอดภัย ความไร้ระเบียบเหมือนกันหมด อาจจะเป็นความคาดหวังของตัวเองว่าปารีสจะต้องไร้ที่ติ อย่างนั้นแล้ว ฉันคิดว่าสำหรับคนรักประวัติศาสตร์และสนใจความเป็นมาของศิลปวัฒนธรรม หรือชื่นชมความหรูหรา ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เติมเต็มได้ทุกแขนง ตึกเก่าแก่ หรืออาคารสมัยใหม่ ห้องสมุดยุคโบราณ สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง สวนสาธารณะ อาหารและขนมแสนอร่อย
ถ้ามีโอกาสก็เหมาะแก่การไปเที่ยว ไปดูให้เห็นด้วยตา เพราะไม่แน่ เราอาจจะไม่ตกหลุมรักปารีสแบบคนอื่นก็ได้นะ อาจจะมีสักวันที่ฉันเปลี่ยนใจกลับไปที่นั่นอีก และไม่แน่ อาจจะได้คำตอบที่ว่าในชีวิตหนึ่งเราจะตกหลุมรักกันได้สักกี่ครั้ง?