กันยายน 2021
“คนดื่มมีแค่สองประเภทเท่านั้นแหละ”
มูราคามิ เขียนไว้เช่นนั้น
ในวัยนักศึกษา ฉันเป็นอีกคนที่ชอบการสังสรรค์ยามวิกาลอย่างที่สุด รสหวาน รสขมของน้ำหลากสีในแก้ว ท่ามกลางบรรยายกาศของโรงเรียนและภูมิทัศน์ย่านเมืองเก่าในกรุงเทพฯ นั้นเป็นองค์ประกอบชั้นดีให้พวกเรามีโอกาสได้ “รื่นเริง” อยู่บ่อยครั้ง
ที่นั่น ทำให้ฉันรู้ว่า ไม่จำเป็นต้องดื่มก็สนุกได้ ถึงไม่ดื่มก็ยังได้รับความเฮฮาจากพวกกินเหล้า กินเบียร์ได้เหมือนกัน
มูราคามิ บอกไว้
อดีตที่ร่าเริง
ถ้าจะสรุปอย่างที่มูราคามิเขียนไว้ในหนังสือ Man Without Women: Drive my car แล้วล่ะก็ ในอดีต ฉันคงอยู่ในกลุ่มแรก พวกที่ “ร่าเริง” ผ่านความเมามายในการปล่อยสิ่งที่คิด การได้เป็นอีกคน อีกบุคลิกภาพในร่างกายเดิมของเรานั้น คือการเดินทางที่ได้เรียนรู้ว่าเราทำอะไรและเป็นอะไรได้บ้าง
ฉันกินเหล้าไม่เก่ง แต่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเมาและรู้ดีว่าเวลาไหนที่ควรหยุด ถ้าเห็นว่าเมามายนั่นแปลว่า ฉันตั้งใจให้เป็นไปอย่างนั้น ซึ่งอันที่จริง ก็ปล่อยให้ตัวเองเมาเลอะเทอะอยู่หลายครั้งเลยล่ะ ลำบากให้เพื่อนพากลับบ้าน หาที่นอน ที่อาบน้ำ หาข้าวให้กินอยู่บ่อยๆ
ความคะนอง ความรกรุงรัง ความสนุกสนานเหล่านั้นคือ “โอกาส” ที่ฉันได้ยินเสียงหัวเราะ ได้รับรู้ถึงน้ำตาจากการร้องไห้ตามแต่หัวใจอยากจะปลดความว้าวุ่นใจออกมาระหว่างวงเหล้า การเรียนหนังสือสลับกับสังสรรค์อย่างอิสระเสรีเท่าที่สามารถไขว่คว้าได้ในวัยหนุ่มสาวนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
แก้วแห่งความหวัง ที่ยังไหว
หลังเรียนจบแล้ว พวกเรา- ฉันและเพื่อนที่ “ยังไหว” ย้ายสถานที่จากเมืองเก่าสู่กรุงใหม่ใจกลางมหานครสำหรับการกินดื่มใน “ชีวิตภาคสอง” อาณาจักรราชสีห์ถึงวันสูญสลายกลายเป็นดินแดนองุ่นทิพย์สีม่วงแดงและน้ำดื่มของอาณานิคมตะวันตก ตอนนั้นที่ฉันเริ่มหัดดื่มไวน์และลองเบียร์จากประเทศอื่น ทั้งเบลเยียม เยอรมนี ไวน์แดง Cabernet Sauvignon จากบอร์โดหรือที่ไหนก็ได้ Shiraz จากออสเตรเลียหรือชิลี คือตัวเลือกที่ฉันรัก
ในตอนนั้น กฏระเบียบ “ความคาดหวัง” ในโลกของการทำงานนั้นมีขนาดใหญ่เกินว่าจะรับมือไหว ฉันคิดถึงการเป็นนักเรียนฉันคิดถึง “ร่างสอง” ในร่างกายนี้อย่างที่สุด ซึ่งสุดแล้ว แม้ว่าการปาร์ตี้ได้ลดน้อยลง แต่บทสนทนาของแดนองุ่นทิพย์นั้นยังเข้มแข็งอยู่ไม่เคยเปลี่ยน มันคือชั่วโมงที่พวกเราได้คุยแลกเปลี่ยนกันในเชิงลึก หัวเราะ ร้องไห้และครุ่นคิด พวกเราได้เห็นความคิด ความคำนึงของตัวเองในมิติที่ต่างออกไป ความรู้สึก ทัศนคติ ความรัก ความฝัน ความทะเยอทะยานได้ถูกบอกเล่า วิเคราะห์ โต้เถียงและหาข้อสรุปอย่างจริงใจ ตราบที่ความปรารถนาดีจะมอบให้กันได้ใน “หนึ่งคืน”
ไวน์หวานๆ และ ยินขมๆ
เมื่อมาถึงเยอรมนีในฐานะนักเรียน แม้ไม่ได้เป็นนักศึกษาเฉกเช่นครั้งก่อน แต่การได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้กำเนิดขึ้น ซึ่งที่นี่ ขอบเขตของโอกาสนั้นกว้างใหญ่กว่ามาก จะไปที่ไหน ทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้อย่างที่ใจต้องการโดยไม่ต้องพะวงกับใครคนอื่น
ไวน์แดงและยิน (gin) เป็นอีกประสบการณ์ที่ฉันเลือก “ซื้อ” ให้กับตัวเอง มันน่าจะเป็นครั้งแรกที่ไปเลือกไวน์ตามลำพังโดยไม่มีเพื่อนที่รู้จักกันอยู่ข้างๆ ฉันตื่นเต้นกับชั้นวางแอลกอฮอร์ขนาดใหญ่ในซูเปอร์มาร์เก็ต ฉันงงและประหม่ากับไวน์นานาชนิด แต่สุดท้ายก็ได้ไวน์แดงจากเยอรมันหรือสเปน กับยินราคาถูกติดมือกลับมา
ฉันไม่ได้ดื่มบ่อยอย่างที่คิด แต่หลับไปพร้อมขวดไวน์ แก้วยิน-โทนิก อยู่หลายครั้ง ฉันไม่ได้เมามากหรอก แต่ก็มากพอที่ได้รับรู้ว่า การอยู่คนเดียวกับเหล้า-ยานั้นช่างเป็นความรู้สึกที่โดดเดี่ยวและว้าเหว่อย่างยิ่ง ฉันคิดถึงเพื่อนและคิดถึงความร่าเริง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตคงไม่มีทางหวนกลับมาอีกครั้งแล้ว ความจริงที่พบในยามวิกาลนั้นย่ำแย่จนทำให้ไม่ได้ “ดื่มลำพัง” อีกเลยในปีสุดท้ายของการเรียน จนย้ายมาเบอร์ลินนั่นแหละ การ “ดื่มเหงาๆ” จึงได้กลับมาอีกครั้ง ความว่างเปล่าในเมืองใหม่ทำให้ฉันมองหากิจกรรมที่หาซื้อได้ สิ่งเล็กๆ ที่สามารถทำได้ “คนเดียว”
แก้วของวันพรุ่งนี้
ฉันไม่ได้ดื่มบ่อยหรอกนะ ด้วยเพราะยังจำได้ว่าการดื่มเหล้าให้เมาโดยไม่มีใครข้างๆ นั้นโหดร้ายเพียงไหน ความเงียบเหงานั้นมีมากพอแล้วที่จะอยู่ให้พ้นวัน แต่ในความมืดมิดของฤดูหนาวกลับท้าทายใจที่อ่อนล้า ฉันยังอยากสนุกและหัวเราะอีกครั้ง
แม้หวาดกลัวความเศร้าสร้อยแต่ในที่สุดแล้ว ฉันก็ยอมลิ้มรสเฝื่อนขมปลายหวานเพิ่มความเพื่ออบอุ่นในคืนหิมะตกหนัก ท่ามกลางความอ้างว้างไร้แสงสว่างกลับเกาะกินไออากาศในทุกนาทีที่ยังหายใจ แม้ต้องดื่มตามลำพัง
การความเศร้าอยู่กับเราแค่เพียงชั่วขณะหนึ่ง ชีวิตยังมีพรุ่งนี้ที่จะมาถึง และวันนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังต้องประสบ ในช่วงเวลาที่ต้องแก้สารพันปัญหาที่ถาโถม ทั้งตระหนักว่าความยุ่งยากที่พบเจอนั้นไม่สามารถจะดีขึ้นได้หากเรายังอ่อนไหวภายใต้ความเศร้าโศก
หยุด
การเอาตัวรอดให้เบอร์ลินนั้นใช้พลังงานจำนวนมาก ฉันต้องหยุดดื่มไวน์เพื่อใช้สมาธิในการบริหารชีวิต และแม้ว่าในหลายร้อยวันถัดมา เรื่องทุกข์ยากได้คลี่คลาย ทิศทางของวันใหม่ในเบอร์ลินกำลังดีขึ้นแล้วแต่ฉันกลับไม่ได้ลิ้มรสไวน์แดงอีกเลย ไม่ว่าในร้านอาหาร ตามมารยาทในโอกาสสำคัญนั้นล้วนปราศจากเครื่องดื่มแอกอฮอล์
ฉันลืมเรื่องไวน์และยิน Cabernet Sauvignon เสียงหัวเราะในกรุงเทพฯ น้ำตาที่เบอร์ลิน ทุกอย่างหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น จนกระทั่งฤดูหนาวปีที่แล้ว บ้านเราได้รับไวน์แดงเป็นของขวัญในช่วงคริสต์มาส เวลาแห่งความรัก ความอบอุ่น และการให้อภัย รสหวานอุ่นขององุ่นจากไร่ในอิตาลีเรียกรสชาติจากวันเก่ากลับมาในความคิด ฉันยังจำความเศร้าเคล้าความอ้างว้างทั้งหมดได้ ทุกปลายสัมผัสเหล่านั้นเหมือนว่ามันกำลังเกิดขึ้นที่ในเวลาขณะนี้
ปลด-ปัจจุบัน
ในหนังสือ Man Without Women: Drive my car ที่มูราคามิ กล่าวไว้ว่า คนดื่มที่สองประเภทเท่านั้นแหละ ถ้าจะจัดกลุ่มชีวิตสองปีแรกในเบอร์ลิน ฉันก็คงอยู่ในกลุ่มหลัง พวกที่ใช้การดื่มเพื่อ “ปลด” ตัวเองออกจากบางสิ่ง กำจัดล้างบางอย่างออกจากใจ
การดื่มเคยเป็นการแสดงออกของอารมณ์ที่ได้รับผลกระทบจากความผิดหวัง เป็นเครื่องมือ-เป็นอุปกรณ์ที่ฉันเลือกจะสื่อถึงความเหว่ว้า เป็นทางผ่านที่หวังไว้ว่าจะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่วิธีการที่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ดีใจที่มันเกิดขึ้น ฉันดีใจที่เคยผ่านเรื่องเหล่านั้น ได้ทำความเข้าใจถึงที่มาและผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น วันนี้ฉัน “ดีขึ้น” มากแล้วและความเปล่าเปลี่ยวเช่นนั้นจะไม่ซึมให้ใจเศร้ามหาศาลอย่างที่เคยเป็นในอดีต
ไวน์แดงยังเป็นเครื่องดื่มประจำตัว แต่ฉันดื่มน้อยลงมาก ดื่มเพียงไม่กี่ครั้งในช่วงเวลาที่พิเศษเท่านั้น นอกจากไวน์แล้ว ฉันกลับไปดื่มยินบ้าง มะนาว ไซรับและโซดาพอเป็นกระษัยให้ชุ่มชื่น รัมขาวสำหรับโมฮิโต (Mojito) เป็นน้ำรสเปรี้ยวสำหรับหน้าร้อน
I drink alone
ปัจจุบันนี้ ครบสิบเอ็ดปีสิบเอ็ดปีที่ก้าวสู่การเดินทางในเส้นใหม่ในประเทศเยอรมันแล้ว ฉันไม่เคยคิดว่าวันนี้จะยังอยู่ที่นี่และไม่มีเลยสักครั้งที่กล้าหวังว่าทุกอย่าจะเป็นเช่นเดียวกับในขณะอยู่ของหนึ่งลมหายใจนี้
ปัจจุบันนี้ ณ ตอนนี้ ยอมรับแล้วล่ะว่า เรื่องในอดีตจะไม่มีวันย้อนมา การสังสรรค์และเสียงหัวเราะของยามค่ำคืนคงไม่เกิดขึ้นอีกเช่นในครั้งก่อน แต่ฉันก็ยังชื่นชอบ นิยม และไม่ปฏิเสธการ “ดื่มลำพัง” อีกแล้ว
ซึ่งหากคนดื่มมีแค่สองประเภทอย่างที่ มูราคามิ กล่าวไว้ ฉันก็โชคดีที่ได้ผ่านมาแล้วทั้งคู่ ทั้งการร่าเริงผ่านรสเมามาย และการปลดความเศร้าใจให้คลี่คลายผ่านความขมของเหล่าเครื่องดื่มสีเข้ม
Prost!
zum wohl!
Santé!