ได้ยินคำว่า คน toxic โดยเฉพาะในที่ทำงานมานานแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนแบบนี้กับตัวเอง และไม่คิดเลยว่าพฤติกรรมเช่นนี้นั้นสามารถสร้างความทุกข์ทางใจได้อย่างมหาศาล
ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับผู้ร่วมงานและหัวหน้าทีมในโปรเจกต์งานที่ทำล่าสุด เป็นเรื่องหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆ ทางวาจา กริยาแต่กลับสร้างความรบกวนทางใจมากจนบางครั้งไม่อยากไปทำงาน อยากเปลี่ยนทีม อยากฟ้องเจ้านาย อยากด่ายัยคนนั้น กระทั่งอยากลาออก
มลภาวะทางเสียงจากคน toxic
คน toxic เบอร์หนึ่ง : ผู้ร่วมงาน
สิ่งที่ไม่ชอบพฤติกรรมของผู้ร่วมงานคนนี้ คือ
- มีความจุ้นจ้านเกินหน้าที่
- ต้องมีส่วนร่วมกับทุกอย่าง
- แทบจะผูกขาดการพูดอยู่คนเดียวประหนึ่งว่าตัวเองเป็นหัวหน้าทีม
- จดจ่อกับข้อผิดพลาดของคนอื่น
- ถ้าไม่ใช่กับหัวหน้าทีมแล้ว จะใช้ลักษณะการพูดที่ไม่ค่อยแสดงความเคารพเท่าไหร่นัก
ขั้นตอนของการทำงานทำให้เราต้องพบเจอ สื่อสารกัน ความไม่พอใจของฉันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็พยามยามกลั้นใจไม่ตอบโต้เพราะ
- งงกับพฤติกรรมของผู้ร่วมงานคนนี้
- ไม่ชอบการเกรี้ยวกราดในการทำงานที่ไม่จำเป็น
- พองงมากๆ ก็จะสร้างประโยคภาษาเยอรมันไม่ทัน
ซึ่งถึงไม่โต้ตอบทางคำพูดแต่ฉันก็ใช้วิธีทำท่าเบื่อหน่าย ส่ายหัว หันตัวออกห่าง และมองหัวจรดเท้าแล้วถอนหายใจ (ซึ่งไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย ว่าไหม?)
คน toxic เบอร์ 2 : หัวหน้าทีม
คาแรกเตอร์จากผู้ร่วมงานคนนี้ที่ไม่ชอบเลย
- เวลาเครียดจะกลายเป็นคนพูดจาประชดประชัน
- โวยวาย โวยไป ประชดไป
- ประชดจนเกือบจะกลายเป็นดูถูกคนอื่น
- จุกจิกจนเข้าข่ายความคลั่งการควบคุมขั้นสูงสุด (control freak)
อันที่จริง ผู้ร่วมงานซีเนียร์ท่านนี้เป็นหัวหน้าทีมที่ดีเลยล่ะ ทั้งความรู้ทางช่างมีมากมายให้เรียนรู้ มาติดตรงวิธีแสดงอารมณ์ การคุมอารมณ์ขะมุขะมัวไม่ได้ดีนักนั้นสร้างภาวะมลพิษทางความรู้สึก ยิ่งตอนไหนที่ฉันเองอยู่ในภาวะอ่อนไหว มันยิ่งเจ็บใจมากกว่าปกติ
ความอดทนนั้นไม่ใช่สิ่งมั่นคงและคงอยู่ได้ตลอดเวลา หลังจากสับสนท่าทีของหัวหน้าทีมอยู่หลายเดือนฉันก็เลือกโต้ตอบโดยบอกให้เขาหยุด ให้เขาหยุดพูดสิ่งที่ไม่จำเป็น และหยุดการใช้คำพูดที่เสียดสีเสียที สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นดีกว่าที่คิด พฤติกรรมมลพิษทางเสียงที่ toxic นั้นจบลงทันที ตามมาด้วยคำขอโทษจากหัวหน้าทีม
เรื่องยากของคนไม่อยาก fight
ฟังดู ก็เรื่องธรรมดาของวิถีมนุษย์เงินเดือนล่ะนะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการเผชิญหน้า หรือแสดงอารมณ์ที่เหมาะสม แต่คนไม่เข้มแข็งจากคำพูดเอาแต่ใจของคนที่ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกนี้ (self centered) อย่างฉันน่ะ หนักหนา และเมื่อจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคือการต้านกลับ (reaction) แบบไม่ค่อยมีวุฒิภาวะ
ถ้าต้องรับมือคน toxic
จิตวิทยา 101
คำแนะนำจากนักจิตวิทยาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ส่วนใหญ่กล่าวไว้ว่า ให้บอกคนนั้นไปว่า ไม่ชอบคำพูดเหล่านั้นเลย สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้เรารู้สึกอย่างไร เพราะบางที เจ้าตัวอาจไม่รู้ว่ากำลังสร้างมลภาวะทางคำพูดในที่ทำงานหรือแม้กระทั่งระหว่างความสัมพันธ์
หนังสือ
หนึ่งในทริกจากหนังสือ The Asshole Survival Guide: How to Deal with People Who Treat You Like Dirt (ผู้เขียน Robert I. Sutton) และ Surrounded by Psychopaths (ผู้เขียน Thomas Erikson) บอกว่า ถ้าพบคนที่ไม่ชอบ คนที่ทำให้ไม่สบายใจและเราต้านทานไม่ไหวจริงๆ หากทำได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ หนี หนีจากคนเหล่านั้นไปให้ไกล
ข้อน่าคิด
อีกข้อคิดจากคนใกล้ตัวที่ฉันคิดว่าน่าสนใจคือ ในสังคมการทำงาน บริบทของธุรกิจนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงใคร แยกอารมณ์ออกจากความรับผิดชอบต่อองค์กร สิ่งที่ควรทำและต้องทำให้ได้คือรู้จักที่จะหยุดคนที่มาทำร้าย (ความรู้สึก) เรา เรียนรู้ที่จะสร้างรีแอคชั่น และป้องกันตัวเอง
พักเวลาบาดเจ็บ
ที่ผ่านมาฉันปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะย่ำแย่ แต่โชคชะตาก็ยังพอเห็นใจ ยอมโอนอ่อนให้บ้างโดยเปลี่ยนวงโคจรให้ตอนนี้ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องสื่อสารกับผู้ร่วมงานคนนี้มากแบบแต่ก่อน ถ้าไม่ต้องทำงานร่วมกัน เราก็ไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกันหรอก ต่างคนต่างอยู่ไกลๆ ทำงานของใครของมันไป
อย่างนั้นแล้ว หากยังอยู่ในทีมนี้ โปรเจกต์อาคารพักอาศัยนี้อยู่ การทำงานร่วมกับหัวหน้าทีมอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วการเผชิญหน้ากับกริยา วาจา การแสดงออกทางอารมณ์จากผู้ร่วมงานทั้งสองคนนี้ (และอาจมีคนอื่นอีกในอนาคต) จะกลับมาอีกครั้ง และแน่นอนว่า “การเดินจากไป” ไม่ใช่คำตอบ ณ ขณะนั้น หากเป็นการเลือกลงมือทำ ว่าจะสู้ หรือจะซ่อม จะ fight หรือ flight หรือ fix เมื่อพบคน toxic.