การ “เหยียดเชื้อชาติ” เกิดขึ้นได้ทุกที่ในโลกนี้ ไม่ว่าประเทศไหน เมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ ความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อ การเติบโตล้วนสร้างให้ความต่างทางภาพลักษณ์ของมนุษย์กลายมาเป็นสิ่งที่นำมาทำร้ายซึ่งกันและกันได้
คนเยอรมัน VS คนต่างชาติในเยอรมนี
ถึงมีผมสีดำ และพูดภาษาเยอรมันไม่ชัด แต่ก็ยังไม่เคยเจอพฤติกรรมดูถูกอย่างรุนแรง ด้วยเหตุว่าเป็น “ชาวต่างชาติ” เลยอย่างมากก็เป็นการปฏิบัติที่ไม่น่ารักจากพนักงานบ้าง จากเจ้าหน้าที่เรื่องเอกสารวีซ่าบ้าง แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่การโจมตีเชื้อชาติ เหยียดหยามความหลากหลายของมนุษย์ ฉันมองว่า แค่อีกคนที่มีปัญหา อารมณ์ไม่ดี เครียดกับงาน เจอวันแย่ๆ แล้วเผื่อแผ่ความขุ่นมัวหมองมาให้ฉันไม่ชอบ และโมโหไปกับเขาเหล่านั้นด้วยเสียมากกว่า
ในฐานะคนต่างชาติ ต่างภาษา ก็อ่อนไหวกันบ้าง
มีบ้างที่เก็บเอามาให้ทรมานใจในวันที่อ่อนไหวกว่าปกติ มีบ้างที่เสียใจจากคำพูดของคนแปลกหน้าจนปวดหัว ปวดท้องจนต้องนอนพักเพื่อระบายความซับซ้อนของชีวิต แต่โดยรวม ฉันยังพอจะเอาตัวรอดได้โดยไม่น่าเป็นห่วงนัก และกว่าสิบปีในเบอร์ลิน หรือ ปีแรกที่มาเรียนต่อ ก็ยังไม่มีเหตุการณ์โดนเหยียด หรือโดนเหยียดเพราะเป็นต่างด้าวอย่างเลวร้าย แต่ก็เคยโดนแซว โดนแกล้งอยู่เหมือนกันในปีแรกๆ ที่ย้ายมา
เหยียดเชื้อชาติ หรือเปล่า?
ในทางเดินชั้นใต้ดินสถานีรถไฟ Alexanderplatz สถานีขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่มีทั้งรถไฟระหว่างเมือง รถไฟลอยฟ้า และรถไฟใต้ดินนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่วุ่นวายที่สุดของเบอร์ลิน
วันนั้นฝนตกตลอดทั้งวัน ฉันออกจากรถไฟใต้ดินและเดินไหลตามผู้โดยสารคนอื่นไปเรื่อยๆ เพื่อขึ้นไปยังชั้นถนนด้านบน เมื่อถึงลานเชื่อมระหว่างชั้น มีวัยรุ่นชายสองคนยืนหัวเราะเสียงดัง คนหนึ่งเป็นเด็กเอเชียน ฟังจากสำเนียงการพูดก็รู้ว่าเกิดและโตที่นี่ ส่วนอีกคนคือเด็กเยอรมัน คุยกันสนิทสนมขนาดนั้น ก็บอกได้ว่าเป็นเพื่อนกันนั่นแหละนะ
สัญชาตญาณบอกว่าอย่าอยู่ใกล้กับสองคนนั้น แม้พยายามจะเลี่ยงหลบไม่ไปตรงนั้น แต่ทางเดินเต็มไปด้วยผู้คนหลายสิบหลายร้อยในลานทางเดิน ฉันขยับเขยื้อนแทรกตัวออกไปไม่ได้ และจังหวะที่ผ่านวัยรุ่นชายทั้งสอง เจ้าเด็กเอเชียนใส่เสื้อกันหนาวยี่ห้อ Jack Wolfskin สีดำก็สะบัดร่มที่ถือในมือใส่หน้าฉัน แล้วหัวเราะลั่นจนตัวงอ
น้ำฝนจากร่มกระเด็นโดนเสื้อบางส่วน ฉันแหวกตัวออกมาได้ รีบเดินหนีเด็กสองคนนั่นไปแต่โกรธและอายมาก ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่า พวกนั้นเพ่งเล็งฉันเป็นพิเศษหรือไม่ หรือแค่สุ่มแกล้งกัน เป็นฉันที่ดันอยู่ผิดที่ผิดเวลา ถึงคราวซวยไปเสียเอง แต่อย่างนั้นแล้ว คนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวเอเชียคนอื่นได้เจอประสบการณ์ที่รุนแรงกว่านี้มากนัก นั่นคงทำให้มีการทำใบปลิวใบนี้ขึ้นมา เพื่อเตือนให้ผู้กระทำรู้ว่า ความเกลียดชัง ไม่ใช่สิ่งที่พึงปฏิบัติต่อผู้อื่น
ความเกลียด หรือโดนเหยียดเชื้อชาติ จะเสริมสร้างความแข็งแกร่ง
ฉันเห็นหญิงสาววัยรุ่นสุดเท่ชาวเอเชียยืนแจกใบปลิวนี้ที่ทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน จากปกติที่ปฏิเสธรับใบโฆษณา แต่เมื่อเห็นกราฟฟิกในภาพ ฉันจึงรีบเดินไปขอรับใบปลิวนี้ด้วยตัวเองในกระดาษไม่ได้แจ้งรายละเอียดผู้จัดทำ หรือกล่าวถึงเหตุการณ์ใด ซึ่งฉันก็เดาว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจึงนำมาสู่การให้กำลังใจ สร้างการตระหนักในสังคมเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ ชนชาติ หรือสีผิว
แม้ว่าฉันอาจจะโชคดีที่ยังไม่เคยการเหยียดอย่างรุนแรง แต่บทความของ DW กล่าวว่า มีคนเคยได้รับ “การเหยียด” หรือ racism ถึง 22% และ 54.8% ของผู้ทำแบบสอบถามนั้นเห็นว่า มีปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในเยอรมนี
แน่นอนว่า คงไม่สามารถไป “เปิดตา” คนที่ล้อเลียนเราว่าเป็น “พวกตาตี่” (slanted eyes) แต่อย่างน้อย เมื่อได้รับความเย้ยหยันที่ล้าสมัยแล้วในยุคปัจจุบัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเงียบ หรืออับอายอีกต่อไป หากแต่คนที่ยังดำเนินการล้อเลียนต่างหากล่ะ ที่ควรหยุดคิด หยุดการกระทำที่ทำร้ายคนอื่นได้แล้ว